
คปภ. ขับเคลื่อนประกันภัยไทยสู่ความยั่งยืนทางสิ่งแวดล้อม ด้วย 5 มาตรการหลัก
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2568 สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เข้าร่วมเวทีเสวนา “Multi-Regulatory Approach: Enabling Thailand’s Climate Transition” ร่วมกับหน่วยงานกำกับหลักจากภาคการเงินและตลาดทุน เพื่อร่วมผลักดันประเทศไทยสู่การเปลี่ยนผ่านด้านสภาพภูมิอากาศอย่างยั่งยืน
ดร.อายุศรี คำบรรลือ ผู้ช่วยเลขาธิการ คปภ. ได้นำเสนอ 5 มาตรการหลัก ของภาคประกันภัยในการรับมือกับ Climate Change ได้แก่
1. เสริมความมั่นคงทางการเงินและการบริหารความเสี่ยง
-
ใช้แบบจำลองสถานการณ์ (Stress Test) โดยเฉพาะกรณีน้ำท่วม
-
วิเคราะห์ข้อมูลประกันภัยในระดับรายตำบล เพื่อวางมาตรการช่วยเหลือผู้เอาประกันภัยในพื้นที่เสี่ยง
2. บริหารความเสี่ยงด้านสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม (ESG in Climate Risk)
-
จัดทำแนวทาง Climate Risk Management Guideline ที่ครอบคลุม Governance, Risk Management และ Disclosure
-
ส่งเสริมการประเมินผลกระทบจาก Climate Risk เข้าสู่ระบบ ORSA ของบริษัทประกัน
3. ส่งเสริมการเปิดเผยข้อมูล ESG
-
จัดทำแนวทางการเปิดเผยข้อมูลสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG Disclosure Framework)
-
ยกระดับความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
4. สนับสนุนการลงทุนสีเขียว (Green Investment)
-
อนุญาตให้บริษัทประกันลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดและความยั่งยืน
-
อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายการลงทุนตามประกาศ คปภ.
5. พัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันภัยเพื่อความยั่งยืน
-
ผลักดันผลิตภัณฑ์ที่เข้าถึงง่าย เช่น ประกันภัย 7–10 บาท
-
ส่งเสริมการประกันภัยพืชผลเพื่อเกษตรกร
-
สนับสนุนประกันภัยรถยนต์ไฟฟ้า (EV Insurance)
นอกจากนี้ คปภ. ยังสนับสนุนกิจกรรมจูงใจ เช่น การมอบรางวัลบริษัทที่ดำเนินธุรกิจตามหลัก ESG เพื่อสร้างแรงผลักดันเชิงบวกต่อภาคธุรกิจประกันภัย
คปภ. ย้ำว่า การใช้เครื่องมือประกันภัยเป็นแนวทางสำคัญในการบริหารความเสี่ยงจาก Climate Change โดยควบคู่กับการใช้กลไกดิจิทัลอย่าง E-policy เพื่อสนับสนุนเป้าหมาย Net Zero ของประเทศอย่างยั่งยืนและเป็นรูปธรรม

